สวัสดีค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครองทุกท่าน
เด็กช่วงเวลาปฐมวัยมีความสำคัญและเป็นพื้นฐานของพัฒนาการในวัยต่อๆ มาจากการศึกษาพบว่าบางประเทศเขาทุ่มเทอย่างมากที่จะให้การดูแลเด็กก่อนวัยเรียน เริ่มตั้งแต่ในครรภ์เลย โดยเป็นหน้าที่บทบาทที่สำคัญของหน่วยงานทุกภาคส่วน เมื่อย้อนคิดก็คิดว่าอาจเป็นเพราะว่าเดิมสังคมไทยเรามีญาติพี่น้องคอยช่วยดูแล แต่ตอนนี้สังคมที่เปลี่ยนไป ครอบครัวที่เป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น หรือไม่ก็แม่ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน หลายครอบครัวที่ต้องพึ่งพี่เลี้ยงเด็ก ศูนย์เลี้ยงเด็ก เป็นผู้ทำหน้าที่แทนเราหลายๆ เรื่องที่สำคัญเขาจะเป็นผู้ถ่ายทอดทุกสิ่งอย่างแทนเรา ซึ่งแต่แท้ที่จริงแล้วการอบรมเลี้ยงดูนั้นเป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรม คุณค่า ความเชื่อ เช่น อาหารการกิน ความคิดความเชื่อในเรื่องต่างๆ ความเป็นชาตินิยม
จากข้อมูลที่แสดงให้เด็กปฐมวัยเป็นช่วงเวลาทองของชีวิต ด้วยการศึกษาที่สนับสนุนเกี่ยวกับการเจริญเติบโตร่างกาย พัฒนาการสมองและระบบประสาท ช่วยสนับสนุนความสำคัญของเด็กปฐมวัยที่เป็นรากฐานที่สำคัญของพัฒนาการด้านต่างๆ ของวัยต่อมา เริ่มตั้งแต่แรกเกิดเด็กจนอายุ 1 ปี จะเห็นได้ว่าเด็กมีน้ำหนักตัวเป็น 3 เท่าของน้ำหนักแรกคลอด การวัดรอบศีรษะจะวัดในเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี เป็นการประเมินการเจริญเติบโตของสมองทางอ้อม เมื่อเด็กอายุ 1 ปี มีเส้นรอบศีรษะ 45 เซนติเมตร อายุ 2 ปี มีเส้นรอบศีรษะ 47 เซนติเมตร จากการเจริญเติบโตของร่างกายทำให้มีการพัฒนาการของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคลื่อนไหวร่างกาย ได้แก่ กล้ามเนื้อตา กล้ามเนื้อมือ กล้ามเนื้อเท้า ซึ่งกล้ามเนื้อเหล่านี้ต้องทำงานประสานกัน ในความสามารถของเด็กวัยอายุ 2 ปี เด็กสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ทุกส่วน ชอบเล่นของเล่นที่ออกแรง เช่น เตะบอล ปั่นจักรยาน กระโดด เป็นต้น เมื่ออายุ 3 ปี สามารถเขย่งบนปลายเท้าได้ ยืนขาเดียวได้นาน กระโดดขาเดียว มีความสามารถในการใช้มือประสานกับสายตาได้ดีขึ้น ต่อแท่งไม้สี่เหลี่ยม 9 แท่ง แต่งตัวเองได้ กลัดหรือปลดกระดุมหน้าด้านเองได้ ส่วนการพัฒนาระบบประสาทของเด็กจะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วมากในช่วง 3 ปีแรกของชีวิต พัฒนาการของสมองและระบบประสาทในเด็กวัยนี้เป็นช่วงสำคัญอย่างมากของการเรียนรู้และเป็นรากฐานสำคัญต่อชีวิต เด็กแรกเกิดมีขนาดของสมองประมาณ 1 ใน 4 ของสมองผู้ใหญ่ เมื่ออายุได้ 2 ปี สมองจะเติบโตจนมีขนาดประมาณ 3 ใน 4 ของผู้ใหญ่ เมื่ออายุได้ 5 ปีเด็กจะมีน้ำหนักของสมองเป็นร้อยละ 90 ของน้ำหนักสมองของวัยผู้ใหญ่ โครงสร้างสมองมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์ประสาทจำนวนมากและมีการเชื่อมโยงกัน มีการเตรียมพร้อมในการรับรู้และทำงานตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนกระทั่งอายุ 2-3 ปี เซลล์ประสาทและวงจรการเชื่อมต่อกันจะมีกระแสประสาทผ่านและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาสมรรถภาพด้านร่างกาย เป็นการเตรียมพร้อมให้เด็กช่วยเหลือตนเอง และเพื่อการเรียนรู้ด้านต่างๆ ถ้าครอบครัวหรือพ่อแม่ไม่ได้สนับสนุนเด็กในการช่วยเหลือตนเอง จะส่งผลต่อการเรียนรู้และปรับตัวกับโลกภายนอกของเด็ก นอกจากนี้ความสามารถในการเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ กับตนเอง การรู้คิด รู้เหตุผลและความสามารถในการแก้ปัญหา มีการแสดงออกโดยการใช้ภาษาสื่อความหมายและการกระทำ ดังนั้นพัฒนาการด้านภาษา การสื่อความหมาย ใช้ตาและมือทำงานประสานกันเพื่อแก้ปัญหา และความสามารถในการปรับตัวจึงมีความเกี่ยวข้องกับพัฒนาการด้านสติปัญญาและการเจริญเติบโตของระบบประสาทที่มีการพัฒนามากขึ้นและการพัฒนาที่มีอัตราเร่งสูงแสดงให้เห็นว่าเด็กวัยนี้มีความเจริญก้าวหน้าของความคิดเป็นลำดับขั้น การส่งเสริมเด็กในพัฒนาการด้านสติปัญญานอกจากการเตรียมความพร้อมร่างกายแล้ว การส่งเสริม กระตุ้นให้เด็กได้มีการใช้ความคิด การวิเคราะห์ก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่นกัน
Leave us a Reply